SKU : PK007
แก้วผลึกสีขาวไร้มลทิน แก้วมุกดารับพลังจาดดวงจันทรา ให้คุณทางด้านเมตตามหานิยม เพิ่มความร่มเย็นและความรัก
หมวดหมู่ : Crafts ,  Pong Kham Thai , 
แบรนด์ : โป่งข่าม อ.เถิน
Share
"โป่งข่าม" เป็นชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นล้านนา ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยคำว่าโป่ง หมายถึงดินโป่งในแหล่งที่พบหินแร่ ซึ่งเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีแร่ธาตุเพียงพอที่สัตว์น้อยใหญ่จะสามารถกินเป็นอาหารได้ ซึ่งดินโป่งนี้ก็ถูกนำมาใช้ในตำราเครื่องรางของขลังโบราณมากมาย เพราะเชื่อว่าเป็นผืนดินที่มีเทวดารักษา เป็นส่วนประกอบในเครื่องมงคลที่ต้องขึ้นรูปขึ้นสังขาร ส่วนคำว่าข่ามนั้น หมายถึงอยู่ยงคงกระพัน เป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า ธาตุกายสิทธิ์ที่พบบนดอยโป่งหลวง ล้วนมีเทวดารักษา มีพลังทนสิทธิ์ตามธรรมชาติ
จริงแล้วชาวล้านนามีความเชื่อเรื่องของแก้วศักดิ์สิทธิ์มาแต่เดิม ตามตำนานแก้ว 24 ดวงแห่งล้านนา เป็นที่แสวงหาของเหล่าเจ้าขุนมูลนายและผู้ที่เล่นแร่แปรธาตุในสมัยโบราณ ที่จะพกติดตัว ปลุกเสกกำกับใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้ไม่ขอกล่าวถึงทั้งหมด เพราะค่อนข้างร่ายกันยาว และถูกตีความกันไปต่าง ๆ นา ๆ แต่เมื่อกล่าวมาถึง "แก้วโป่งข่าม" ก็มีความตรงหลักเข้าเกณฑ์ของแก้วมงคล 24 ชนิดอยู่พอสมควรเช่นกัน เป็นหินแร่ควอร์ต (Quartz) ที่มีซิลิก้าผสมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อตกผลึกจะมีลักษณะเป็นแท่งใสหรือที่เรียกว่าหินเขี้ยวหนุมาน เมื่อชาวบ้านได้หินที่ตรงตามลักษณะต่าง ๆ ก็จะนำมาเผาและเจียระไนให้สวยงาม ในส่วนของแก้วโป่งข่าม จะมีการจำแนกคุณสมบัติตามที่พบในแหล่งหิน แล้วแต่ว่ามีสายแร่หรือมลทินอะไรรูปแบบไหน ปัจจุบันพบที่ บ้านแม่แก่ง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ซึ่งข้อมูลทางธรณีวิทยาระบุว่า บริเวณดังกล่าวเคยมีร่องรอยของลาวาที่ไหลผ่านชั้นหินบนผิวดิน จนเกิดการเคลือบแร่ธาตุเอาไว้ และกลายมาเป็นแก้วโป่งข่ามในปัจจุบัน โดยโป่งข่ามจะถูกกล่าวถึง 13 ประเภท ดังนี้
(1) แก้วขนเหล็ก แบ่งออกขนเหล็กใส และขนเหล็กตัน ปัจจุบันแบบใสหายากมากแล้ว ชาวบ้านจะพบและนิยมนำขนเหล็กตันมาเจียระไนเพราะยังพอหาได้อยู่ เสริมลาภยศและตำแหน่ง
(2) แก้วเข้าแก้ว มีลักษณะแก้วซ้อนอยู่ภายในหน่อแก้วหลัก ถ้าจะให้ตรงตามลักษณะควรเป็นแก้วเข้าแก้วโตน หรือมีมลทินแร่เดียวซ้อนอยู่ภายในหน่อแก้ว เสริมอำนาจความสำเร็จ การเจรจาตกลงกัน และความมีชื่อเสียง
(3) แก้วสามกษัตริย์ คือแก้ว 3 ประเภทรวมอยู่ในเหง้าเดียวกัน เสริมดวงชะตา เสริมบารมี
(4) แก้วนางขวัญ สีม่วงสดสวยงาม เสริมเสน่ห์ ปัจจุบันไม่ค่อยพบแล้วหายากมาก
(5) แก้วทราย คือมีฐานเป็นเม็ดทรายเรียงต่อกัน เสริมโชคลาภ เงินทอง
(6) แก้วพิรุนเสน่หา หรือ พิรุณแสนห่า จะมีสายแร่เป็นริ้วบาง ๆ อยู่ภายในคล้ายผ้าแพร่ เสริมด้านค้าขาย
(7) แก้วหมอกมุงเมือง ลักษณะคล้ายเมฆหมอกในหินแก้ว เสริมทรัพย์สินเงินทอง ความสมบูรณ์
(8) แก้วกาบ คือมีแผ่นแร่บาง ๆ อยู่ภายใน เสริมการงานความก้าวหน้า
(9) แก้วปวก คือมีต่อมน้ำหรือฟองน้ำอยู่ภายใน บ้างคล้ายปะการัง เสริมเมตตามหานิยม
(10) แก้ววิฑูรย์ เสริมด้านโชคลาภเงินทอง
(11) แก้วแร มีลักษณะเลื่อม มองได้หลายมิติ สีเข้มและมันวาวสะท้อนแสง เสริมด้านค้าขาย ค้ำชู ปัจจุบันหาได้ยากพอสมควร
(12) แก้วมังคละจุฬามณี เป็นลักษณะแก้วเข้าแก้วที่มองแล้วเป็นรูปทรงมงคลต่าง ๆ เช่น องค์พระ ต้นโพธิ์ เจดีย์ ฯลฯ ประมาณค่ามิได้ หายากมาก
(13) แก้วฟ้า มีสีฟ้าใสสะท้อนแสงงดงาม เสริมด้านความสุข ความสงบ
ตำนานแก้วโป่งข่าม
เมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีพรานเก่าแก่ชื่อ นายจี๋ เป็นพรานป่าที่เข้าป่าแล้วไม่เคยได้ของติดไม้ติดมือมาเลยสักครั้ง ทั้งนี้เพราะเวลาไปล่าสัตว์บริเวณป่าโป่ง จะเกิดอุปสรรคมากมาย เช่น ปืนยิงไม่ออก ดักสัตว์ไม่ติด กระสุนขัดลำกล้อง มีอยู่ครั้งหนึ่ง นายจี๋ได้ดักเก้งได้ตัวหนึ่ง และพยายามหาวิธีฆ่าเก้งตัวนั้น ไม่ว่าจะเอาไม้หลาวทิ่ม หรือวิธีใด ก็ทำอันตรายเก้งไม่ได้ แถมยังหลุดออกจากคอกไปเสียด้วย ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้ จะพบได้ที่ป่าโป่งแห่งนี้เท่านั้น ต่อมาชาวบ้านได้เห็นแสงไฟประหลาดผุดขึ้นผุดลงบริเวณป่าโป่ง จึงพากันตามเข้าไปและขุดค้นพบหินแร่โป่งข่าม แล้วอัญเชิญมาบูชา กลายเป็นที่มาของแก้วศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ในสมัยโบราณ บริเวณป่าโป่งและแหล่งกำเนิดใกล้เคียง เป็นที่บำเพ็ญตนของเหล่าฤาษีชีไพร เป็นแหล่งสรรพวิชาอาคมต่าง ๆ เชื่อกันว่าการอัญเชิญหินแก้วโป่งข่ามอันเป็นธาตุกายสิทธิ์นี้ จะช่วยป้องกันคุณไสยมนตร์ดำ หรือสรรพวิชาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่นบริเวณวัดถ้ำสุขเกษมสวรรค์ในปัจจุบัน ก็อยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แต่เดิมที่เหล่านักบวชนิยมไปบำเพ็ญตบะเช่นเดียวกัน และนี่จึงเป็นที่มาของความศักดิ์สิทธิ์ของแก้วโป่งข่ามนั่นเอง
ลักษณะของแก้วโป่งข่ามนั้น จะไม่นิยมปรุงแต่งด้วยอักขระเลขยันต์ใด ๆ เนื่องจากเป็นของทนสิทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์ตามพลังธรรมชาติ โดยส่วนมากผู้ใช้จะนำมาผูกกับคาถาที่ตนเองถนัด เพื่อใช้ในพุทธคุณแห่งพระคาถานั้น ซึ่งหากเป็นคำกล่าวบูชาตามท้องถิ่นจะว่า "นะมะพะทะ นิมิพิทิ นุมุพุทุ" ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ยังหาความหมายของตัวย่อเหล่านี้ไม่เจอเช่นกัน ถ้าจะให้ดีใช้เป็น "อะสังวิสุโลปุสะพุภะ" ก็ได้ผลดีทีเดียว เป็นการระลึกถึงคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือจะพกไว้สวดมนต์ทุกคราไปท่านก็ว่าดีนัก แก้วโป่งข่ามจะซึมซับพลังพุทธบารมี จนมีความเข้มขลังเพิ่มขึ้นนั่นเอง
และเป็นที่สังเกตุว่า ผู้ที่พบหรือเก็บแก้วโป่งข่ามไว้บูชา มักจะพบว่าลวดลายภายในมีการเปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากประสบการณ์ผู้เขียนเองก็พบว่ามีลายคล้ายหยดน้ำปรากฎขึ้นที่แก้ววิฑูรย์ชิ้นแรกที่รับมาเช่นกัน ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของโป่งข่ามที่ลวดลายสายแร่จะแปรไปตามกาลเวลา